ETF คืออะไร น่าลงทุนมากแค่ไหน

ETF คืออะไร น่าลงทุนมากแค่ไหน

การลงทุนในปัจจุบันมันมีหลายรูปแบบอย่างที่ทราบกัน บางคนอาจจะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ บางคนอาจจะลงทุนในหุ้น และอื่น ๆ ซึ่งปัจจุบันการลงทุนอีกรูปแบบที่ค่อนข้างมาแรง และกำลังได้รับความสนใจ คือการลงทุนเกี่ยวกับ  ETF แน่นอนว่าคนที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงของการลงทุน หรือสนใจทำธุรกิจแบบจริงจัง อาจจะไม่รู้จักการลงทุนแบบนี้ แต่ไม่ต้องห่วงไป เพราะวันนี้ Financenaroo จะพาทุกคนไปดูว่า ETF คืออะไร น่าลงทุนมากแค่ไหน พร้อมแล้วไปกันเลย

ETF คืออะไร น่าลงทุนมากแค่ไหน

ETF มีชื่อเรียกแบบเต็มว่า Exchange Traded Fund ซึ่งหากจะแปลความหมายให้เข้าใจโดยทั่วกันในประเทศไทย มันก็คือกองทุนรวมดัชนี (Index Fund) ที่มีนโยบายการลงทุนตามดัชนีต่าง ๆ เช่น ตลาดหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ ตราสารหนี้ เป็นต้น

โดยต้องการสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของดัชนีมากที่สุด ซึ่งความพิเศษของการลงทุนเจ้า ETF คือการเป็นกองทุนรวมดัชนี ที่สามารถซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้เหมือนหุ้น แถมราคาซื้อขายยังได้แบบ Real time อีกด้วย

ETF การลงทุนที่กำลังมาแรง

(ETF การลงทุนที่กำลังมาแรง)

สรุปแล้ว ETF คือหุ้นหรือกองทุนรวม

จากคำโปรยอธิบายว่า ETF คืออะไร หลายคนจะเห็นทั้งคำว่า หุ้น และกองทุน ซึ่งมันน่าจะสร้างความสงสัยอยู่ไม่น้อย ว่าสรุปแล้วเจ้า ETF มันคืออะไรกันแน่ ความจริงแล้ว ETF มันมีที่มา ที่สามารถอธิบายข้อสงสัยเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน E = Exchange หมายถึง ETF มีการซื้อขายหน่วยลงทุนเปลี่ยนมือกันในตลาดหลักทรัพย์ (The Stock Exchange) ส่วน              T = Traded หมายถึง ETF สามารถทำการซื้อขายหน่วยลงทุนผ่านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หรือ โบรกเกอร์ได้เหมือนหุ้น และสุดท้าย F = Fund หมายถึง ETF เป็นจัดเป็นกองทุนรวม (Mutual Fund) ประเภทหนึ่ง เมื่อสรุปความหมายโดยรวมแล้ว ETF ก็คือ กองทุนชนิดหนึ่ง ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้สามารถซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้เหมือนหุ้นนั่นเอง

ETF มีราคาซื้อขายอย่างไร

สำหรับราคาการซื้อขาย ETF จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่เป็นหุ้น และส่วนที่เป็นกองทุน ในส่วนของการซื้อขายหุ้นของ ETF สามารถซื้อขายได้แบบ Real time ล็อกราคาที่อยากซื้อและขายได้เลย ส่วนการซื้อขายในรูปแบบของกองทุน แม้จะซื้อขายช่วงเช้าของวัน แต่เราจะทราบราคาซื้อขายช่วงสิ้นวันทำการ

ซึ่งนี่ถือเป็นจุดที่ ETF ได้เปรียบกว่ากองทุนรวมในกรณี เช่น หากเลือกลงทุนในดัชนี SET50 ระหว่างวันดัชนีวิ่งลงมาถึงจุดที่เราต้องการ สามารถซื้อ ETF ในราคานั้นได้เลย และหากสิ้นวันนั้นดัชนีวิ่งกลับขึ้นไปสู่จุดเดิม กองทุนรวมที่จะได้ราคาซื้อขาย ณ สิ้นวันทำการ จะมีต้นทุนที่สูงกว่านั่นเอง

ลงทุน ETF มีผลตอบแทนและความเสี่ยงระดับไหน

แน่นอนว่าสิ่งที่หลายคนกังวล และให้ความสำคัญเกี่ยวกับการลงทุน มันคือเรื่องของความเสี่ยง และผลตอบแทนที่จะได้รับ หุ้น จัดว่าเป็นตราสารทุน เป็นตราสารที่มีความเสี่ยงสูง อาจแลกมากับผลตอบแทนที่สูงได้ ซึ่ง ETF และกองทุนรวม มีสินทรัพย์ให้เลือกลงทุนตั้งแต่สินทรัพย์เสี่ยงต่ำ อย่างตราสารหนี้ ไปจนถึงสินทรัพย์เสี่ยงสูงอย่างหุ้นและสินทรัพย์โภคภัณฑ์

ดังนั้นผลตอบแทนและความเสี่ยงมีตั้งแต่ระดับต่ำไปจนถึงสูง ขึ้นอยู่กับประเภทสินทรัพย์ที่เลือกลงทุน หุ้น เมื่อลงทุนในหุ้น 1 ตัว เท่ากับการลงทุนใน 1 ธุรกิจ จึงไม่มีการกระจายการลงทุนในการลงทุน 1 สินทรัพย์ ETF และกองทุนรวม เมื่อเลือกประเภทสินทรัพย์ที่ลงทุน 1 ประเภท เท่ากับมีการกระจายการลงทุนอยู่ภายใน เช่น ลงทุนในดัชนี SET50 เท่ากับการลงทุนในหุ้น 50 ตัว ในการลงทุน 1 ประเภทสินทรัพย์

ETF กองทุนรวมน่าสนใจ

(ETF กองทุนรวมน่าสนใจ)

ข้อควรรู้ในการลงทุน ETF

อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ ว่าการลงทุนใน ETF เป็นการลงทุนในดัชนี ซึ่งมันครอบคลุม กองทุนรวมที่ลงทุนในดัชนี (index) เท่านั้น ดังนั้นจะเป็นการลงทุนแบบเชิงรับ (passive fund) ต้องการผลตอบแทนเคลื่อนไหวไปตามดัชนี เช่น อยากลงทุนในดัชนี SET50 ใน ETF สามารถลงทุนได้ผ่านกองทุน TDEX แต่กองทุนรวมมีการลงทุนแบบเชิงรับ (passive fund) และการลงทุนแบบเชิงรุก (active fund) ที่ต้องการผลตอบแทนมากกว่าดัชนีอ้างอิง ทำให้มีสินทรัพย์การลงทุน และนโยบายการลงทุนที่หลากหลายกว่า

ใครที่สนใจเกี่ยวกับ ETF อยู่ เราเชื่อว่าบทความนี้ จะสามารถไขข้อสงสัยหลาย ๆ อย่างให้คุณได้ การลงทุนในรูปแบบกองทุนรวม มันไม่ใช่เรื่องยากมากมาย แค่คุณทำความเข้าใจ และศึกษาความเสี่ยงต่าง ๆ อย่างละเอียด มันก็จะทำให้การลงทุนสำเร็จดังหวังแน่นอน

แนะนำบทความที่น่าสนใจ

ออทิสติกแท้ และ ออทิสติกเทียมต่างหรือเหมือนอย่างไร

โรคออทิสติกเกิดจากโครงสร้างและสารเคมีบางอย่างในสมอง ซึ่งสามารถเกิดตั้งแต่ครรภ์มารดา เราจะขออธิบายถึงความแตกต่างระหว่างออทิสติกแท้และออทิสติกเทียม เพื่อให้ทุกคนหายข้องใจและสบายใจอีกด้วย